ตกหลุมหรือชนคอสะพานแรง ๆ ทีเดียว อาการตามมามักมีตั้งแต่พวงมาลัยสั่น รถดึงซ้าย/ขวา ไปจนถึงยางบวมแบบไม่รู้ตัว คู่มือนี้พาเช็กแบบ ทำเองได้ข้างทางใน 10 นาที เพื่อตัดสินใจว่าจะขับต่อช้า ๆ ไปศูนย์ หรือควรหยุดเรียกช่วยเหลือทันที
1) ตั้งหลักก่อน: จอดให้ปลอดภัย
-
เปิดไฟฉุกเฉิน ดึงเบรกมือ เข้าจุดที่ พื้นราบ/พ้นไหล่ทาง
-
วางป้าย/กรวยเตือน (ถ้ามี) แล้วค่อยเริ่มตรวจ
2) เช็กรอบคันแบบเร็ว (3 นาที)
-
แก้มยาง: มองหาปูด/บวม เส้นลวดโผล่ รอยฉีกยาว → ห้ามขับต่อ
-
หน้ายาง: หาแผลบาด–กรีด ตะปู/เศษเหล็กปัก (อย่าดึงออกเองถ้ารั่ว)
-
ล้อแม็ก/กระทะล้อ: ขอบบิ่น/บุบ/รอยกระแทก—เสี่ยงลมซึมและสั่นที่ความเร็วกลาง
-
ซุ้มล้อ–กันโคลน: ชิ้นส่วนหลุด/เสียดโดนยางไหม (เสียง “ครืด” ตอนวิ่งช้า ๆ)
3) วัดแรงดันลมทันที (2 นาที)
-
ใช้ เกจวัดลม (ดีที่สุดตอน “ยางเย็น” แต่กรณีฉุกเฉินวัดได้เลยเพื่อเทียบซ้าย–ขวา)
-
ถ้าต่ำผิดปกติมากกว่าล้ออื่น ≥ 3–5 PSI → มีโอกาส รั่วช้า/ซึมที่ขอบล้อ
-
เติมกลับ ตามสเปกรถ ชั่วคราว แล้วเฝ้าดูค่าระหว่างทาง (มีปั๊ม 12V จะง่ายขึ้น)
4) ทดสอบวิ่งสั้น ๆ (2 นาที)
-
คลานช้า ๆ 10–20 กม./ชม. ฟังเสียงเสียดโลหะ/กึกกัก
-
เพิ่มเป็น 60–80 กม./ชม. บนถนนโล่ง:
-
สั่นที่พวงมาลัย เด่นช่วงความเร็วหนึ่ง ๆ → ถ่วงล้อ/ล้อคด
-
รถดึง/พวงมาลัยเอียง → ศูนย์ล้อเพี้ยน/ช่วงล่างเบี้ยวเล็กน้อย
-
ฮัมตามความเร็ว → ดอกยางเสียรูป/บล็อกดอก “เป็นลอน” จากแรงกระแทก
-
ถ้ามีอาการ “สะท้านแรง/ส่าย” ช่วง 60–80 กม./ชม. ให้ จำกัดความเร็วต่ำ และมุ่งหน้าเข้าศูนย์ใกล้สุด
5) เกณฑ์ตัดสินใจ “หยุด–ไปต่อ”
-
หยุดทันที & เรียกช่วยเหลือ เมื่อ:
-
แก้มยาง บวม/ฉีก/โป่ง หรือเห็นเส้นลวด
-
ล้อ แตก/บิ่นลึก ลมรั่วไว
-
พวงมาลัย สั่นแรงผิดปกติ ควบคุมยาก
-
-
ไปศูนย์ด้วยความเร็วต่ำ เมื่อ:
-
หน้ายางบาดตื้น/ล้อขูดเล็กน้อยแต่ไม่รั่ว
-
มีอาการสั่นเบา ๆ หรือรถดึงเล็กน้อย (จำกัด ≤ 60–80 กม./ชม.)
-
6) แผนซ่อมเมื่อถึงร้าน/ศูนย์ (ให้ช่างทำต่อ)
-
ถ่วงล้อ + เช็กล้อคด/ขอบล้อรั่ว
-
ตั้งศูนย์ล้อ (Alignment) ตรวจแคมเบอร์–โท–แคสเตอร์
-
ตรวจช่วงล่าง: ลูกหมาก ปีกนก บูช ยางกันฝุ่น/โช้กอัพ
-
เช็กยางด้วยไฟ/มือคลำ รอบเส้น (โดยเฉพาะตำแหน่งกระแทก) ว่ามี “ไข่ปลา/บวมซ่อน” หรือไม่
7) ชุดกู้ชีพเรื่องยางที่ควรมีติดรถเสมอ
-
เกจวัดลมยาง + ปั๊มลม 12V
-
ชุดปะฉุกเฉิน แบบใส้ไส้/น้ำยาอัด
-
ไฟฉาย, ถุงมือ, เสื้อสะท้อนแสง
-
ประแจ/แม่แรง + กุญแจน็อตกันขโมย (ถ้ามี)
8) ป้องกันไว้ก่อน—ขับผ่าน “หลุม–คอสะพาน” อย่างเซียน
-
ชะลอก่อนถึง ไม่เบรกบนยอดเนิน
-
ให้ล้อซ้าย–ขวาขึ้นลงใกล้พร้อมกัน ลดการบิดโครงยาง
-
พวงมาลัย ตรง ตอนปีน–ลง ลดการเฉือนไหล่ยาง
-
ลมยาง ตามสเปกรถ เสมอ—ลมอ่อนเสี่ยงหนีบขอบล้อบวมง่าย
9) FAQ สั้น ๆ
-
Q: ยางไม่บวมแต่สั่น ต้องเปลี่ยนเลยไหม?
A: ไม่จำเป็นเสมอไป เริ่มจาก ถ่วงล้อ/เช็กล้อคด ก่อน ถ้ายังสั่นค่อยไล่เช็กยางเสียรูป–ช่วงล่าง -
Q: รั่วช้า ปะชั่วคราวแล้ววิ่งต่อได้แค่ไหน?
A: ขึ้นกับตำแหน่งแผล หากเป็น หน้ายาง และปะถูกวิธี วิ่งไปศูนย์ใกล้ ๆ ได้ แต่ แก้มยางห้ามปะ ควรเปลี่ยน -
Q: ต้องตั้งศูนย์ทุกครั้งหลังตกหลุมไหม?
A: ถ้ามีอาการ รถดึง/พวงมาลัยเอียง/สึกเอียง ให้ตั้งศูนย์ทันที ถ้าไม่มีอาการ ให้เฝ้าสังเกตต่อ
เช็กลิสต์ 10 นาทีข้างทาง 📝
-
ตรวจแก้มยางบวม/ฉีก, หน้ายางบาด, ตะปู
-
มองขอบล้อบิ่น/บุบ
-
วัด PSI เทียบซ้าย–ขวา ปรับ ตามสเปกรถ
-
วิ่งทดสอบ 60–80 กม./ชม. ฟัง สั่น/ฮัม/ดึง
-
ตัดสินใจ หยุด–ไปต่อ ตามเกณฑ์ความปลอดภัย
สรุป: ตกหลุมแรง ๆ ไม่ได้แปลว่าต้องเปลี่ยนยางทันทีเสมอไป แต่ต้อง ตรวจให้เป็น–ตัดสินใจให้ถูก ถ้าเจอแก้มบวม/ล้อเสียรูปอย่าฝืน ส่วนกรณีสั่น/ดึงเล็กน้อยให้ไปศูนย์ตรวจ ถ่วงล้อ–ตั้งศูนย์–เช็กช่วงล่าง ให้จบ คุณจะกลับมาขับนิ่ง เงียบ และปลอดภัย—ยืดอายุยางได้แท้จริง
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของ NANKANG ได้ที่
🔎 ค้นหายางที่เหมาะกับรถคุณ: https://nankangtire.in.th/products/1/list
🏪 รายชื่อศูนย์บริการทั่วประเทศ: https://nankangtire.in.th/branches/list
🎉 โปรโมชั่นล่าสุด: https://nankangtire.in.th/promotions/list
🗞️ ข่าวสารและกิจกรรม: https://nankangtire.in.th/news/list